การวัดความดันโลหิตเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่เพิ่มเข้ามาใน Smart Watch เมื่อประมาณ 2 ปีที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ดี เทคโนโลยีนี้ยังอยู่ในช่วงของการพัฒนาเพื่อความแม่นยำที่มากขึ้น ดังนั้นการที่จะใช้นาฬิกาวัดความดันโลหิต จึงควรใช้เพื่อการติดตามสุขภาพส่วนตัวเพื่อการอ้างอิงสุขภาพส่วนบุคคล ไม่ควรนำไปใช้เพื่อการวินิจฉัยโรคหรือเพื่อการรักษาทางการแพทย์ การปรึกษาแพทย์และการใช้เครื่องมือทางการแพทย์โดยเฉพาะจึงเป็นวิธีที่น่าเชื่อถือที่สุด
นาฬิกาวัดความดันโลหิตที่เราเลือกมาทั้ง 4 อันดับ ถือว่าคุณภาพในการวัดอยู่ในระดับที่พอรับได้ หมายความว่าความแม่นยำยังไม่เทียบเท่าเครื่องวัดความดันโลหิตแบบบีบรัดที่ต้นแขน แต่ก็มีความคาดเคลื่อนไม่มากนัก โดยจะเน้นที่การวัดความดันโลหิตที่แม่นที่สุด โดยดูฟังก์ชั่นอื่นๆ เป็นเพียงซึ่งมีทั้งหมด 4 รุ่น ดังนี้
อันดับที่ 4 – นาฬิกาวัดความดัน Pure Health Life HR
แบรนด์นี้เป็นของคนไทย มีจำหน่ายในไทยแล้ว และได้รับความนิยมสูงมาก โดยจุดเด่นของรุ่นนี้คือการใช้งานง่าย มีฟังก์ชั่นสุขภาพที่ครบสำหรับการดูแลสุขภาพ ได้แก่ การวัดความดันโลหิต การวัดชีพจร การวัดออกซิเจนในเลือด รวมไปถึงการติดตามการนอนหลับแบบละเอียดด้วย นอกจากนี้ยังใช้สำหรับออกกำลังกายโดยไม่ต้องพกโทรศัพท์ติดตัวก็ได้ สามารถใช้งานปกติได้ประมาณ 7 วัน กันน้ำมาตรฐาน IP67 สามารถใส่อาบน้ำ ล้างมือ โดยไม่ต้องถอด วางจำหน่ายอยู่ที่ราคาเรือนละ 2,490 บาท
ความแม่นยำในการวัดความดันโลหิต – ทางแบรนด์ได้เคลมไว้ว่ามีความแม่นยำที่ 90% ซึ่งเป็นความแม่นยำสูงสุดของการวัดด้วยเซ็นเซอร์ PPG โดยค่าความดันตัวบนจะวัดได้ค่อนข้างใกล้เคียงค่าจริง แต่ค่าความดันตัวล่างอาจจะแตกต่างพอสมควร นับว่าเป็นนาฬิกาวัดความดัน ที่ราคาไม่แพงแต่คุณภาพโอเคมากๆ
อันดับที่ 3 – นาฬิกาวัดความดัน ASUS VivoWatch 5
รุ่นนี้เป็นอีกรุ่นที่ใช้การวัดแบบเซ็นเซอร์ แต่ได้มีการทำเซ็นเซอร์ ECG เข้ามาช่วยในการวัดทำให้มีความแม่นยำเพิ่มขึ้นเล็กน้อย มีจุดเด่นที่ AI อัจฉริยะ ในการนำพฤติกรรมของผู้ใช้มาช่วยในการคำนวนในการวัด มีฟังก์ชั่นสุขภาพครบ ทั้งวัดชีพจร วัดออกซิเจนในเลือด วัดความดันโลหิต วัดความเครียด วัดอุณหภูมิร่างกาย และติดตามการนอนได้อย่างละเอียดและตรวจจับการนอนกรนได้ รวมทั้งมีโหมดออกกกำลังกายที่มี GPS ในตัวทำให้การอกกำลังกายมีความแม่นยำมากขึ้น โดยวางจำหน่ายในราคา 10,990 บาท
ความแม่นยำในการวัดความดันโลหิต – การที่มีเซ็นเซอร์ 2 ตัวในการวัดความดันโลหิต ทำให้มีความเสียรในการวัดมากขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่ถึงกับแตกต่างกับรุ่นที่วัดด้วย PPG อย่างเดียวเท่าไหร่ อาจจะมีความเม่นยำอยู่ที่ 91-92 %
อันดับที่ 2 – นาฬิกาวัดความดัน YHE BP Doctor Pro
เป็นรุ่นที่ใช้เทคโนโลยี Air Pump ในตัวนาฬิกา แบบเดียวกับเครื่องวัดความดันโลหิตแบบบับรัดที่แขน ดังนั้นจึงมีความแม่นยำค่อนข้างสูง นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชั่นสุขภาพอื่นๆ เช่น วัดชีพจร วัดออกซิเจนในเลือด ติดตามการนอนหลับ รวมทั้งการออกกำลังกาย แต่ไม่มี GPS ในตัว จุดเด่นอีกอย่างคือเป็นนาฬิกาที่ขนาดไม่ใหญ่มาก สามารถใส่ได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย โดยรุ่นนี้ยังไม่มีจำหน่ายในไทย มีราคาขายอยู่ที่ประมาณ 12,500 บาท
ความแม่นยำในการวัดความดันโลหิต – การที่มีระบบ Air Pump ทำให้ความแม่นยำอยู๋ในระดับสูงมาก มีความแตกต่างเพียง 4-5 mmHg หรือประมาณ 96% เท่านั้นสำหรับค่าความดันตัวบน แต่ค่าความดันตัวล่างจะมีค่าที่แตกต่างพอสมควร และหากใส่นาฬิกาไม่ดีหรือวางนาฬิกาขณะวัดไม่ถูกตำแหน่งค่าที่ได้จะแตกต่างไปมาก
อันดับที่ 1 – นาฬิกาวัดความดัน Omron HeartGuide
เป็นบริษัทที่ผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ชื่อดัง โดยใช้เทค Air Pump เพื่อบีบรัดที่ข้อมือ ดังนั้นจึงมีความแม่นยำในระดับที่น่าเชื่อถือได้ แต่มีข้อเสียที่ตัวเรือนและรายรัดจะมีขนาดใหญ่ รูปทรงไม่สวยงามเท่าไหร่ และมีเพียงการวัดความดันโลหิต วัดชีพจร และติดตามการนอนหลับเท่านั้น เป็นรุ่นที่ FDA หรือ อย. ของอเมริการับรองแล้ว แต่ยังไม่มีจำหน่ายในไทย โดยมีราคาที่ประมาณ 16,000 บาท
ความแม่นยำในการวัดความดันโลหิต – เนื่องจากเทคโนโลยีที่ใช้อยู่ในอุปกรณ์ทางการแพทย์อยู่แล้ว จึงทำให้มีความแม่นยำสูง ประมาณ 98% ของค่าที่วัดได้ทั้งตัวค่าความดันตัวบนและค่าความดันตัวอย่าง แต่ยังมีข้อผิดพลาดเช่นเดียวกับรุ่นที่เป็น Air Pump อื่นๆ คือ หากวัดผิดท่าหรือวางนาฬิกาผิดตำแหน่ง จะได้ค่าที่คาดเคลื่อน แต่ไม่มากเหมือยรุ่นก่อนหน้านี้
จากที่ทำการทดสอบนาฬิกาวัดความดันทั้ง 4 ยี่ห้อ มีจุดเด่นและจุดด้อยแตกต่างกันไป จึงควรเลือกซื้อตามลักษณะการใช้งานของแต่ละคน หากมีงบน้อยแต่อยากมีนาฬิกาเพื่อสุขภาพไว้ใช้ Pure Health Life HR ก็เป็นตัวเลือกที่เหมาะสม แต่หากต้องการเน้นกรออกกำลังกายด้วย ASUS VivoWatch 5 ถือว่าดีที่สุด แต่ถ้าเน้นแม่นยำและใช้งานทั่วไปด้วย ก็จะเป็น YHE BP Doctor Pro และถ้าเน้นความแม่นยำมากๆ ก็ควรเลือก Omron HeartGuide